White Noise ในงานออกแบบภายใน
White noise (ไวท์นอยส์) คือเสียงที่ประกอบด้วยทุกย่านความถี่ (ต่ำ-กลาง-สูง) กระจายสม่ำเสมอ ซึ่งส่วนมากจะเป็น ‘เสียงแวดล้อม’ ที่เกิดจากสภาวะทางธรรมชาติที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นเสียง “ซ่า” คล้ายทีวีไม่มีสัญญาณ หรือเสียงของระบบเครื่องปรับอากาศ เสียงนี้แม้จะไม่เงียบ แต่กลับช่วยให้เรา จดจ่อ ได้ดีขึ้น
ประโยชน์ของ White Noise
1. กลบเสียงรบกวน (Sound Masking)
ลดเสียงพูด เสียงเดิน หรือเสียงจากภายนอก เหมาะกับสำนักงาน ร้านอาหาร ห้องพัก หรือคลินิก
2. ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
ทำหน้าที่เป็นเสียงพื้นหลัง ช่วยให้สมองไม่โฟกัสเสียงอื่นที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด เช่น เสียงฝน เสียงรถ หรือเสียงคน
ตัวอย่าง White Noise รอบตัว
• เสียงพัดลม
• เสียงแอร์
• เสียงฝนตก
• แอปหรือเครื่องเล่น white noise เฉพาะทาง
White Noise กับการออกแบบภายใน
การออกแบบที่ดีไม่ใช่แค่ “เงียบ” แต่ควร สร้างสมดุลของเสียง เพื่อให้พื้นที่น่าอยู่ และใช้งานได้จริง
1. ตั้งใจ “เติมเสียง” เพื่อกลบเสียง
เช่น พื้นที่ co-working หรือร้านอาหารที่โต๊ะติดกัน ควรออกแบบระบบปล่อย white noise เพื่อไม่ให้ได้ยินบทสนทนาของคนอื่นชัดเกินไป
2. ความเงียบไม่ใช่คำตอบเสมอไป
พื้นที่เงียบเกินไปจะขยายเสียงเล็กๆ ให้รบกวนสมาธิ เช่น เสียงเก้าอี้ เสียงคุยกันเบาๆ
White noise ช่วยสร้างเสียงพื้นหลังที่กลมกลืน และลดการกระตุกโสตประสาท
3. ออกแบบร่วมกับระบบเสียง
วางแผนจุดติดตั้งลำโพงไว้ล่วงหน้า เช่น ซ่อนในฝ้าเพดาน หรือใช้ร่วมกับระบบแอร์ที่มีเสียงพื้นหลังอยู่แล้ว
4. สัมพันธ์กับวัสดุอะคูสติก
ถ้าใช้วัสดุดูดซับเสียงมาก เสียงจะ “หาย” จนรู้สึกวังเวง ควรเติม white noise เพื่อให้เกิด สมดุลของเสียง (acoustic balance)
5. ควบคุมระดับเสียงให้เหมาะกับกิจกรรม
ระบบ white noise ควรปรับระดับเสียงได้ เช่น
• ออฟฟิศกลางวัน: 45–50 dB
• ห้องพักผ่อน : ใช้ระดับที่เบาลง
ควรผสานกับระบบ Audio Control เพื่อควบคุมระดับเสียงได้
สรุป
White noise ไม่ใช่แค่เสียงพื้นหลัง แต่เป็นเครื่องมือที่ออกแบบได้ ช่วยให้พื้นที่ทำงาน ร้านอาหาร หรือที่พักผ่อน มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น และรองรับพฤติกรรมของผู้ใช้งานอย่างมืออาชีพ
Leave a comment