คุณภาพเสียงในสำนักงาน : แม้ไม่อยากได้ยิน… ยังได้ยิน
ในการออกแบบสถาปัตยกรรมภายในเพื่อให้ได้คุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีต่อผู้ใช้งานนั้น  ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพ  อันได้แก่   แสง, สี, อุณหภูมิ, วัสดุ, เสียง ฯลฯ     โดยเฉพาะเรื่องของเสียงนั้น  แม้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่กลับส่งผลต่อคุณภาพของชีวิตโดยตรง  คือ  คุณภาพสิ่งแวดล้อมทางเสียงที่ดีจะทำให้สมาธิการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้น  ลดความผิดพลาดในการสื่อสาร  ไปจนถึงลดความเครียดของพนักงานลง
.
ในปัจจุบันที่ลักษณะการทำงานแบบ Open Space ได้รับความนิยม   ปัญหาเรื่องเสียงรบกวนในออฟฟิศกลายเป็นเรื่องท้าท้ายต่อสมาธิและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน  ซึ่งเราไม่สามารถปล่อยให้คุณภาพของเสียงที่ดีนั้น  บังเอิญเกิดขึ้นได้เอง
.
บทความในครั้งนี้เราจะเน้นเรื่องของการป้องกันไม่ให้เสียงดังเข้ามารบกวน และ ป้องกันเสียงลอดออกไป  ตัวอย่างที่มักจะพบเป็นประจำสำหรับพื้นที่สำนักงานคือ  ทำห้องประชุมมาแล้ว  เกิดเสียงเล็ดลอดออกมาให้คนที่นั่งรอด้านนอกได้ยินชัด  หรือ   เพื่อนบ้านที่เช่าออฟฟิศอยู่ติดกัน  พูดนินทาฉ่ำๆได้ยินเป็นคำชัดเจน
.
เข้าใจที่มาของปัญหาเสียงรบกวน
เสียงรบกวนในออฟฟิศเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยหลักๆ ดังนี้
1.	การออกแบบพื้นที่: โครงสร้างผนัง พื้น และเพดานที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันเสียงรบกวน จะทำให้เสียงรั่วไหลผ่านได้ง่าย
2.	วัสดุตกแต่ง: วัสดุที่ใช้ตกแต่งผนัง พื้น และเพดานบางประเภทมีประสิทธิภาพในการดูดซับเสียงต่ำ ส่งผลให้เสียงสะท้อนและก้องกังวานภายในห้อง
3.	เฟอร์นิเจอร์: เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้กันมากเกินไป หรือฉากกั้นห้องที่มีความสูงไม่เพียงพอ ล้วนเป็นสาเหตุของเสียงรบกวน
4.	พฤติกรรมการทำงาน: เสียงพูดคุยโทรศัพท์ เสียงพิมพ์งาน หรือแม้แต่เสียงเคี้ยวอาหาร ล้วนสร้างเสียงรบกวนให้กับผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
.
ทำความรู้จักกับตัวช่วยสำคัญ: STC และ NRC
ในการแก้ไขปัญหาเสียงรบกวนในออฟฟิศ 2 ตัวช่วยสำคัญที่เราต้องรู้จักคือ
•	STC (Sound Transmission Class): ดัชนีวัดระดับการกันเสียงผ่านผนัง วัสดุ หรือโครงสร้างต่างๆ ยิ่งค่า STC สูง แสดงว่าผนังหรือวัสดุนั้นสามารถกันเสียงรบกวนได้ดี
•	NRC (Noise Reduction Coefficient): ค่าสัมประสิทธิ์การดูดซับเสียงของวัสดุ บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของวัสดุในการดูดซับเสียงสะท้อนภายในห้อง ยิ่งค่า NRC สูง แสดงว่าวัสดุนั้นดูดซับเสียงได้ดี
.
แนวทางการออกแบบเพื่อลดเสียงรบกวนในออฟฟิศ
 	ทาง YL Studio ของเรา  ขอนำเสนอแนวทางเพิ่มคุณภาพเสียงภายสำนักงาน และ ลดเสียงรบกวนดังนี้
1.	ออกแบบผังพื้นที่อย่างชาญฉลาด: แบ่งโซนพื้นที่ทำงานอย่างเหมาะสม จัดวางกลุ่มงานที่มีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกันไว้ด้วยกัน  เช่น   โซนพูดคุยเสียงดัง / โซนทำงาน / โซน Buffer / โซนโฟกัสหรือเงียบ
2.	เลือกวัสดุตกแต่งที่มีประสิทธิภาพ: เลือกใช้ผนัง พื้น และเพดานที่มีค่า STC สูง หรือวัสดุที่มีค่าการกั้นเสียงผ่านได้ดี (แนะนำค่า STC 40 ขึ้นไป)
3.	ติดตั้งฉากกั้นห้อง: ติดตั้งฉากกั้นห้องที่มีความสูงจรดท้องพื้นด้านบนและค่า STC เหมาะสม (ดูภาพประกอบ)
เพราะปัญหาเสียงเล็ดลอดที่พบเจอเป็นประจำคือผนังแบ่งกั้นออฟฟิศเช่านั้น  ไม่ได้ทำการกั้นจนถึงท้องพื้น
4.	วางตำแหน่งปลั๊กไฟฝังผนังให้เหลื่อมกัน: เพื่อลดเสียงเล็ดลอด (ดูภาพประกอบ)
5.	เสียงเล็ดลอดมาทางท่อแอร์: วางแนวท่อแอร์ให้มีมุมฉากช่วยกั้นเสียง และ เสริมหรือบุฉนวนดูดซับเสียงด้านในท่อแอร์
6.	วางแผนกับ Landlord ก่อนเช่าพื้นที่: ปัญหาเสียงเล็ดลอดที่พบเจอเป็นประจำคือผนังแบ่งกั้นออฟฟิศเช่านั้น  ไม่ได้ทำการกั้นจนถึงท้องพื้นด้านบน  อาจจะเป็นเพราะลดงบประมาณก่อสร้าง หรือ สะดวกต่อการรื้อถอนขยายพื้นที่เช่าก็ตาม  หากบริษัทเราสามารถเข้าสำรวจพื้นที่ก่อนเช่าและเจรจาประเด็นเหล่านี้ได้  จะช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ได้ก่อน
.
วางแผนคุณภาพเสียงในสำนักงานแต่เนิ่นๆ
เรื่องของคุณภาพเสียงที่ดีภายในอาคาร  ยังมีประเด็นรายละเอียดที่ต้องลงลึกอีกมาก  ดังนั้นในขั้นต้นทาง YL Studio ขอนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางการออกแบบออฟฟิศที่คำนึงถึงปัญหาเสียงรบกวน   จึงขอเน้นย้ำให้สำรวจพื้นที่และวางแผนให้ดีก่อน  จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิ   เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน   และคุ้มค่ากับเงินลงทุน
 
                    
Leave a comment